Anti-aging vitamins “from A-Z”
คำนำหนังสือ : หนังสือวิตามินต้านแก่ โดย ผศ.ดร.นพ.พัฒนา เต็งอำนวย
ในโรงเรียนแพทย์ไม่ได้มีการเรียนการสอนในหัวข้อวิตามินและอาหารเสริมอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่แพทย์คือบุคคลสำคัญที่สุดที่น่าจะมีบทบาทในการแนะนำคนไข้ให้เข้าใจถึงการเลือกกินวิตามินและอาหารเสริมอย่างถูกหลัก ดังนั้นความจริงที่ปรากฏอยู่ ก็คือเมื่อคนไข้ไปขอแนะนำจากแพทย์ถึงการเลือกกินอาหารเสริม คำตอบที่ได้รับจากแพทย์ก็คือ "หมอไม่รู้" หรือที่หนักกว่านั้นก็คือ "ห้ามกินอาหารเสริมทุกชนิด เพราะอาหารเสริมเป็นพิษต่อตับและไต" ซึ่งบอกได้เลยว่าแพทย์ที่พูดเช่นนั้นไม่ได้มีความรู้เรื่องอาหารเสริมแต่อย่างใด แต่ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะในปัจจุบันได้มีการจำหน่ายอาหารเสริม โดยใช้การโฆษณาชวนเชื่อว่าช่วยบำรุงอวัยวะต่างๆ หรือแม้กระทั่งช่วยบรรเทาอาการ และรักษาโรคได้รวมถึงมีการผลิตอาหารเสริมที่มีคุณภาพต่ำ หรือมีการใส่สารที่เป็นอันตรายส่งผลให้คำว่าอาหารเสริมซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์กลับถูกมองว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายและ มีโทษต่อร่างกาย
สำหรับคนที่ชอบคิดว่าวิตามินและอาหารเสริมเป็นยาใช้รักษาโรคได้ และเลือก ที่จะซื้อวิตามินตามคำโฆษณา ก็ต้องขอย้าว่าวิตามินและอาหารเสริมแม้จะเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของการดูแลสุขภาพ แต่ไม่ได้มาแทนที่การเลือกกินอาหารตามหลัก สุขภาพอย่างถูกต้องได้ แต่เนื่องด้วยชีวิตประจำวันและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันทำให้การเลือกกินอาหารสุขภาพเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ส่งผลให้อาหารส่วนใหญ่ที่เรากินนั้นมักจะปราศจากสารอาหารที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารอาหารในหมู่วิตามินและแร่ธาตุซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังนานาชนิดจึงทำให้การกินวิตามินเสริมน่าจะเป็นสิ่งจำเป็นและมีประโยชน์สำหรับคนทุกๆ คน
ตัวอย่างที่เราจะเห็นอยู่เสมอก็คือ คนอ้วนที่ชอบกินอาหารตามใจ ไม่ออกกำลังกายเป็นโรคเบาหวานและแพทย์ก็สั่งแต่ยามาให้กิน ไม่ได้มีการแนะนำถึงการกินอาหารอย่าง ถูกต้อง และห้ามคนไข้กินอาหารเสริม ท้ายที่สุดคนไข้ก็เป็นโรคหัวใจขาดเลือดหรือไตวาย ซึ่งหากคนไข้กินยาแต่ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจถึงวิธีกินอาหารที่ถูกต้อง ไม่ได้มีความพยายามที่จะลดน้ำหนักตัว แต่เลือกที่จะไปซื้ออาหารเสริมมากินแบบผิดๆ ถูกๆ ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไรมากนัก
สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยเชื่อในอาหารเสริมก็ขอร้องให้ช่วยอ่านบทแรกและบทที่สองเสียก่อน จะได้คิดพิจารณาว่าอาหารปกติที่ตนเองกินอยู่นั้นน่าจะขาดวิตามินอะไร หลังจากนั้นก็ค่อยเลือกอ่านหัวข้อวิตามินที่ตนเองต้องการกินไปทีละบท เพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการกินวิตามินอย่างถูกต้อง
แต่สำหรับคนที่ต่อต้านการกินวิตามินอย่างรุนแรงและเชื่อว่าการกินวิตามินไม่ใช่สิ่งจำเป็น หากได้อ่านสองบทแรกของหนังสือเล่มนี้และยังคงเชื่อว่าการกินวิตามินเสริมไม่ให่สิ่งจำเป็นก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะอ่านบทอื่นๆ ต่อไป เพราะศาสตร์ชะลอวัยนั้นแม้จะ มีข้อสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน ดังเหตุผลที่ผู้เขียนได้ประมวลและอธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้ แต่การที่ใครจะเชื่อและปฏิบัติตามหรือไม่นั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งผู้เขียน ย่อมไม่สามารถจะบังคับได้
เวลาที่ผู้เขียนไปบรรยายในหัวข้อเวชศาสตร์ชะลอวัย คำถามที่ได้รับมากที่สุดก็คือการกินวิตามินและอาหารเสริม แต่คำถามที่ได้รับก็มักจะมีแค่กินอะไรดี และไม่ได้ต้องการ ที่จะเข้าใจว่าทำไมต้องกิน คนส่วนใหญ่มองอาหารเสริมเป็นยา และไม่เข้าใจในศาสตร์ชะลอวัยแบบองค์รวม ดังนั้นอยากจะแนะนำให้ทุกคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้กรุณาไปหาหนังสือ " ตำราจนไม่อยากแก่" ที่ผู้เขียนได้เขียนไว้ก่อนหน้านี้มาอ่านกันเสียก่อน เพราะหลักการดูและ สุขภาพองค์รวมไม่ได้มีแค่การกินวิตามินและอาหารเสริม แต่ต้องใช้องค์รวมทั้งหมดของหลักสุขภาพอันได้แก่ การเลือกอาหารที่ถูกหลักสุขภาพ, การออกกำลังกาย, การล้างพิษและการลดความเครียด
เนื่องจากความรู้เรื่องการกินวิตามินและอาหารเสริมเป็นสิ่งจำเป็น และหากเลือกใช้อย่างถูกต้องก็จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง แต่เนื่องจากแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่ไม่เคยได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่องของอาหารเสริมอย่างเป็นบวก ผู้เขียนจึงหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ให้กับผู้อ่านทุกๆ ท่าน เพราะอุดมการณ์ที่ผู้เขียน มีั้งแต่วันแรกที่ปฏิญาณตนเป็นหมอก็คือ "อยากจะเห็นคนทุกคนในโลกมีสุขภาพที่ดีเท่าที่ชะตาชีวิตจะอำนวย"
ผู้เขียนขอขอบคุณคนไข้ทุกๆ คน ที่ผู้เขียนถือว่าเป็นครูช่วยสร้างประสบการณ์ให้กับ ผู้เขียน ขอขอบคุณคณาจารย์ และลูกคิษย์ทุกคนที่ได้ร่วมกันสร้างอุดมการณ์ของศาสตร์ทะลอวัยด้วยกัน คำถามของลูกศิษย์ช่วยให้อาจารย์นั้นได้ฝึกความคิดและเป็นอาจารย์คี่ดีขึ้น เพราะหากไม่มีลูกศิษย์ก็คงจะไม่มีคำว่าครูและถ้าไม่มีคนไข้ก็คงจะไม่มีคำว่าหมอ
ผศ. ดร. นพ. พัฒนา เต็งอำนวย 10 ธันวาคม 2561
(ชำระผ่านบัตรเครดิต คิดค่าธรรมเนียม 3%)
PROMOTION
FACEBOOK FANPAGE
©MEDUGATE.COM : All Rights Reserved. | PROUD™ Designs® MEDUGATE™
Visitor 86253900